หนังสือคัดค้านอินโดนีเซียส่งทหารเข้ามาสังเกตการณ์ในราชอาณาจักรไทย
วันที่ 10 มีนาคม พ.ศ.2554
เรื่อง ขอคัดค้านการส่งกำลังทหารเข้ามาในเขตแดนประเทศไทยในกรณีข้อพิพาทเขตแดนระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชา
เรียน ฯพณฯท่านเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินโดนิเซียประจำประเทศไทย
อ้างถึง 1. ผลการประชุมคณะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอาเซียนที่กรุงจากาตาร์ อินโดนิเซีย เมื่อ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554)
2. อนุสัญญาระหว่างสยามกับฝรั่งเศสแก้ไขเพิ่มเติมข้อบทแห่งสนธิสัญญา ฉบับลงวันที่ 3 ตุลาคม ค.ศ. 1893 (พ.ศ. 2436) ว่าด้วยดินแดนกับข้อตกลงอื่นๆ ฉบับลงนาม ณ กรุงปารีส เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1904 ( พ.ศ. 2447)
3. สนธิสัญญาระหว่างสมเด็จะรเจ้าแผ่นดินสยามกับประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส ฉบับลงนาม ณ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1907 (พ.ศ. 2450) กับพิธีสารว่าด้วยการปักปันเขตแดนแนบท้ายสนธิสัญญาฉบับลงวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1907 ( พ.ศ. 2450)
4. คำพิพากษาศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ คดีปราสาทพระวิหาร เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2505
ตามที่สาธารณรัฐอินโดนิเซียกำลังเตรียมการที่จะจัดส่งกำลังทหารเข้ามาในเขตแดนประเทศไทยในเรื่องที่เกี่ยวกับกรณีข้อพิพาทเขตแดนระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชา ตามอ้างถึงข้อ1นั้น คณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทยและประชาชนชาวไทย(ส่งผู้แทนบางส่วนมารวมตัวกันที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์-ข้างทำเนียบรัฐบาล) ขอคัดค้านการส่งกำลังทหารของสาธารณรัฐอินโดนีเซียเข้ามาในพื้นที่เขตแดนไทย
ทั้งนี้คณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทยและประชาชนชาวไทย ขอเรียนชี้แจงให้ทราบดังนี้
ตามอ้างถึงข้อ2.และข้อ3.นั้น เป็นผลมาจากการแลกเปลี่ยนพื้นที่แผ่นดินระหว่างสยามกับฝรั่งเศสและในหนังสือทั้งอนุสัญญาฉบับ ค.ศ.1904 และสนธิสัญญาฉบับ ค.ศ.1907ต่างก็ระบุชัดเจนว่า เส้นเขตแดนตามแนวเขาดงรัก(ที่ตั้งของปราสาทพระวิหาร)ให้ใช้”สันปันน้ำ”เป็นเส้นเขตแดนระหว่างสยามกับฝรั่งเศส และมีการตั้งคณะกรรมการผสมจากตัวแทนฝ่ายสยามและฝ่ายฝรั่งเศสขึ้นมา2ชุด คือ คณะกรรมการผสมชุดที่1 ที่เกิดขึ้นตามอนุสัญญาตามอ้างถึงข้อ 1 (ค.ศ.1904) และคณะกรรมการผสมชุดที่2 ที่เกิดขึ้นตามอนุสัญญาตามอ้างถึงข้อ 2 (ค.ศ.1907) เพื่อสำรวจและปักปันเขตแดนทางบกทั้ง 2 ช่วงเวลา
1.1 ผลการทำงานของคณะกรรมการผสมชุดที่1 (ค.ศ.1904)
วันที่ 31 มกราคม ค.ศ. 1907 (พ.ศ. 2450) ภายหลังจากการประชุมของคณะกรรมการผสมชุดที่หนึ่ง ซึ่งดำเนินการประชุมไปเมื่อวันที่ 18 มกราคม ค.ศ. 1907 (พ.ศ. 2450) ในครั้งนั้น อัครราชทูตฝรั่งเศสประจำกรุงเทพฯได้รายงานต่อรัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศสในกรุงปารีสว่า ได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการจากพันเอก แบนารด์ซึ่งประธานคณะกรรมการผสมของฝรั่งเศสว่า ”การปักปันทั้งหมดได้เสร็จสิ้นลงแล้ว โดยไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้นและว่า ได้มีการกำหนดเส้นเขตแดนขึ้นเป็นที่แน่นอนแล้ว นอกจากในอาณาบริเวณเสียมราฐ”
วันที่ 20 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1907 ประธานฝรั่งเศสคณะกรรมการผสมสยาม-ฝรั่งเศสได้รายงานไปยังรัฐบาลฝรั่งเศสว่า “ตลอดแนวเขาดงรักจนถึงแม่น้ำโขง การกำหนดเขตแดนไม่ได้ประสบความยุ่งยากใดๆเลย”
พันเอก แบร์นารด์ กรรมการสำรวจและปักปันเขตแดนผสมฝ่ายฝรั่งเศส ได้กล่าวบรรยายที่กรุงปารีสเกี่ยวกับงานปักปันเขตแดน 3 ครั้ง ในช่วงปี ค.ศ.1905 ถึง ค.ศ.1907 มีความตอนหนึ่งว่า “แทบทุกหนทุกแห่ง สันปันน้ำประกอบเป็นเส้นพรมแดน และจะมีปัญหาโต้เถียงกันได้ ก็แต่เพียงที่เกี่ยวกับจุดปลายสุดของทั้งสองด้านเท่านั้น”
1.2 ผลการทำงานของคณะกรรมการผสมชุดที่2 ( ค.ศ.1907)
คณะกรรมการผสมสยาม-ฝรั่งเศสชุดที่ 2 มีบันทึกรายงานของ พันเอก มองกิเอร์ ประธานกรรมการฝ่ายฝรั่งเศสในคณะกรรมการสำรวจและปักปันเขตแดนผสมสยามกับฝรั่งเศส ชุดที่ 2 ได้ยืนยันตามผลงานการสำรวจและปักปันเขตแดนของคณะกรรมการชุดที่1 ว่า
“เส้นเขตแดนเดินไปตามเส้นสันปันน้ำ ซึ่งอยู่ที่หน้าผา เห็นได้จากตีนภูเขาดงรัก”
ดังนั้นผลการทำงานของคณะกรรมการทั้ง 2 ชุดคือ ชุดที่1ปี ค.ศ.1904 และชุดที่2ปี ค.ศ.1907 ให้คำตอบที่แน่ชัดว่า ทั้งสองฝ่ายได้ยอมรับใช้ “สันปันน้ำ ซึ่งก็คือขอบหน้าผาของเขาดงรัก”เป็นเส้นเขตแดน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1904”
1.3 รายละเอียดในคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในคดีปราสาทพระวิหาร พ.ศ. 2505 ได้ระบุในคำตัดสินว่า:
“ในประการสุดท้าย เมื่อพิจารณาถึงคำแถลงสรุปที่คู่ความได้ยื่นต่อศาลเมื่อตอนจบกระบวนพิจารณาภาควาจา ศาลมีความเห็นดังเหตุผลที่ได้บ่งไว้ในตอนต้นของคำพิพากษานี้ ว่าคำแถลงสรุปข้อที่หนึ่งและข้อที่สองของกัมพูชาที่ขอให้ศาลพิพากษาชี้ขาดในเรื่องสภาพทางกฎหมายของแผนที่ภาคผนวก 1 (แผนที่มาตราส่วน 1: 200,000) และในเรื่องเส้นเขตแดนในอาณาบริเวณที่พิพาท จะรับฟังได้ก็แต่เพียงในฐานที่เป็นการแสดงเหตุผล และมิใช่เป็นข้อเรียกร้องที่จะต้องกล่าวถึงในบทปฏิบัติการของคำพิพากษา” (ตามอ้างถึง 4)
ดังนั้นแผนที่ (แผนที่มาตราส่วน 1: 200,000)นั้น ไม่ได้รับรองสถานะของแผนที่ ฉบับที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าเป็นแผนที่ที่เป็นผลงานของคณะกรรมการปักปันผสมสยามกับฝรั่งเศส(แผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000) และไม่ได้รับรองสถานะของเส้นเขตแดนที่ปรากฏบนแผนที่ฉบับนี้ว่าเป็นเส้นเขตแดนที่ถูกต้องระหว่างไทยกับกัมพูชา
1.4 ประเทศไทยได้ยินยอมปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ โดยการถอนกำลังทหาร ตำรวจ ออกจากตัวปราสาทพระวิหารและส่งคืนตัวปราสาทพระวิหาร และได้กำหนดบริเวณให้กัมพูชามีอธิปไตยเหนือเฉพาะตัวปราสาทพระวิหารเท่านั้น และได้สงวนสิทธิ์ที่เรียกร้องทวงคืนปราสาทพระวิหารไว้แล้ว
ดังนั้นพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารที่เป็นกรณีพิพาทอยู่ในขณะนี้และฝ่ายกัมพูชาได้ใช้กำลังทหารยึดครองโดยอ้างอิงเส้นเขตแดนที่กำหนดในแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 กัมพูชายังได้เจตนาละเมิดผิดข้อตกลงตามมาตรา 5 ของบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก (MOU 2543) โดยการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมในพื้นที่เขตแดนถึง 123 ครั้ง ดังนั้นการกระทำดังกล่าวจึงย่อมต้องถูกพิจารณา “เป็นการยึดครองแผ่นดินของไทย”
2. คณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทยและประชาชนชาวไทยให้ความสำคัญต่อการเจรจาแบบทวิภาคีตามบทบัญญัติของกฎบัตรสหประชาชาติข้อ 2 วรรค7และ ข้อ33รวมทั้งกฎบัตรอาเซียนข้อ 2 (F) และมีความเห็นว่า การที่กองกำลังทหารอินโดนิเซียจะเข้ามาปฏิบัติการตามผลการประชุมของคณะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอาเซียนที่กรุงจากาตาร์ อินโดนิเซีย เมื่อ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554)นั้น เป็นการปฏิบัติการทางทหารของต่างชาติที่เข้ามาควบคุมการปฏิบัติงานของกองทัพไทยในการปกป้องแผ่นดินไทย ที่เข้าลักษณะการแทรกแซงการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี นอกจากนี้แล้วยังเป็นการกระทำที่ผิดมารยาท ซึ่งมิตรประเทศที่มีความสัมพันธ์ทางการทหารที่ดีต่อกันมาอย่างยาวนานควรหลีกเลี่ยงหรือไม่ควรกระทำ
3. การเดินทางเข้ามาของกำลังทหารอินโดนิเซียในครั้งนี้ ต้องมีการทำเอกสารตกลงกันในรายละเอียดของการปฏิบัติ (Term of Reference) แม้จะอ้างว่าเข้ามาในฐานะผู้สังเกตการณ์ก็ตาม แต่ในทางปฏิบัติไม่ว่าจะเป็นเรื่องการรายงานหรือตำบลที่ในการวางกำลังของทหารอินโดนิเซียทั้งในส่วนของฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชา ล้วนแต่มีความสุ่มเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงอาณาเขตของฝ่ายไทยหรือมีผลกระทบต่อสังคมไทยทั้งสิ้น
ดังนั้นเอกสารที่กำหนดรายละเอียดการปฏิบัติในการเดินเข้ามาของกำลังทหารอินโดเซียในครั้งนี้ จึงสุ่มเสี่ยงต่อการเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 ที่ต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาไทยและการทำประชาพิจารณ์ และในการปฏิบัติการของกำลังทหารอินโดนิเซียนั้น หากมีการกระทำที่ทำให้ฝ่ายไทยสูญเสียดินแดนด้วยแล้ว ยิ่งเป็นการไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง เพราะอาจนำมาซึ่งความสุ่มเสี่ยงต่อสัมพันธภาพที่ดีที่มีต่อกันมาอย่างยาวนานระหว่างไทยกับอินโดนิเซีย
4. ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น คณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทยและประชาชนชาวไทย จึงขอคัดค้านการส่งกำลังทหารของสาธารณรัฐอินโดนิเซียเข้ามาในพื้นที่เขตแดนไทย เพื่อมามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหากรณีพิพาทเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา
จึงเรียนมาเพื่อทราบและพิจารณาดำเนินการตามที่คณะกรรมการปกป้องราชอาณาจักรไทยและประชาชนชาวไทยเสนอในข้อ 4.
ขอแสดงความนับถือ
พลตรีจำลอง ศรีเมือง
พลเอกปรีชา เอี่ยมสุพรรณ
พลเรือโทประทีป ชื่นอารมย์
พลอากาศเอกเทิดศักดิ์ สัจจรักษ์
นายประพันธุ์ คูณมี
นายเทิดภูมิ ใจดี
นายเทพมนตรี ลิมปพยอม
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค
บทความย้อนหลัง
-
▼
2011
(568)
-
▼
มีนาคม
(81)
-
▼
23 มี.ค.
(32)
- จะเลือกตั้งกันใหม่? ย้อนหลังดูอดีตบ้างเป็นไร! โดยด...
- ไฟกำลังไหม้ประเทศ (ตาโป๋เป่าปี่)
- มรดกบาปที่เขาพระวิหาร
- จริยะธรรมนักการเมือง
- หายนะบันทึกการประชุม JBC ๓ ฉบับ
- ทำไมการเมือง กับ ภาคประชาชน ถึงขัดแย้งกันร่ำไป? ดร...
- จุดยืนที่เหนือกว่า โดย ศ.ดร. สมปอง สุจริตกุล
- บทวิเคราะห์เบื้องต้น บันทึกการประชุม JBC ๓ ฉบับ
- คนไทยทุกคนควรได้รับทราบและมีส่วนร่วมในการแสดงความค...
- "ราชประชาสมาสัย" โดย พันเอกหญิง ชดาษา พนาเวศร์
- รัตนพิมพวงศ์กับการไขปริศนาของลาวและพม่าโดย ประทีป ...
- เปิดหลักฐาน...บันทึกสู้คดีหม่อมเจ้าวงษ์มหิป ชยางกู...
- บันทึกการประชุมเจบีซี ทำไมสมาชิกรัฐสภาจะต้องรับรอง...
- อนุสัญญาโตเกียว
- ใครจะเดือดร้อน หาก วีระ - ราตรี พ้นคุก /// ดอกไม้เ...
- ปฏิรูปประเทศ : ปฏิรูประบบรัฐสภาเพื่อการพัฒนาคุณภาพ...
- จากวิกฤต ‘บัตรเหลือง’ ถึงคำถามจำเป็นต้องมีบัตรประช...
- หลุมดำที่บ้านหนองจาน ตาสว่างเพราะ 7 คนไทย
- หลักฐานนี้ใบ้สนิท ปานเทพ
- รัฐบาลไทยประท้วง คำตัดสินของศาลโลก ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๐๕
- แฉเขมรฮุบไทยสมัย'น้าชาติ''พนิช'รับล้ำแดน
- คำแปล หนังสือคัดค้านอินโดนีเซียส่งทหารเข้ามาสังเกต...
- ความขัดแย้ง ไทย - กัมพูชา
- แก้ไขเกมชายแดนยืดเยื้อ ให้กองทัพรักษาพื้นที่ให้มั่...
- รายละเอียดหนังสือยื่นอุทธรณ์คุณวีระและคุณราตรี วัน...
- "ปานเทพ" เผยวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระสร้างพ.ศ. 2546 เข...
- 20022554ทัศนคติมุมมองต่อเรื่องอธิปไตยไทย-เขมร โดย ...
- บทความโดยคุณ ศิริโชค โสภา ข้อเท็จจริงกรณี MOU 2543...
- เหตุผลและหลักฐาน ที่ต้องยกเลิก MoU43
- ที่มาของการที่ข้าราชการ ก.ต่างประเทศ ไปยอมรับแผนที...
- รัฐบาลไส้ศึก ชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้าน จงใจเสียด...
- ข้อเท็จจริง หลักฐานและพยานยืนยันว่าคนไทยถูกทหารเขม...
-
▼
23 มี.ค.
(32)
-
▼
มีนาคม
(81)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น