มรดกบาปที่เขาพระวิหาร
ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเขมรในระยะนี้ พูดได้ว่ากำลังเสื่อมโทรมตกต่ำลงอย่างไม่เคยปรากฎมาก่อน ที่มาที่ไปของเรื่องนี้ก็สืบเนื่องมาจากการเอาปราสาทพระวิหารที่ตั้งอยู่บนเขาพระวิหารไปขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกนั่นเอง ภายใต้ความเห็นดีเห็นชอบของรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ผู้เป็นหุ่นเชิดของ ทักษิณ ชินวัตร โดยนายนพดล ปัทมะ ผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศขณะนั้น เป็นผู้ไปลงนามในคำแถลงการณ์ร่วมกับเขมร ยินยอมให้เขมรนำปราสาทพระวิหารไปขึ้นทะเบียนมรดกโลกได้เพียงฝ่ายเดียว
ลำพังการขึ้นทะเบียนดังกล่าวคงจะไม่เป็นเรื่องบานปลายออกไปมากขึ้นอย่างทุกวันนี้ ถ้าไม่มีเรื่องการไปทำความตกลงร่วมระหว่างไทยกับเขมรที่เรียกว่า เอ็มโอยู 2543 ซึ่งรัฐบาลที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้ดำเนินการ โดยปล่อยให้มีการใช้แผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ซึ่งฝรั่งเศสจัดทำขึ้นฝ่ายเดียวเป็นเครื่องใช้ในการพิจารณาเส้นเขตแดนของสองฝ่าย นำมาซึ่งปัญหาการที่จะต้องเสียดินแดนไทยไปไม่น้อยกว่า 1.8 แสนไร่ โดยเฉพาะพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรรอบปราสาทพระวิหาร ซึ่งกำลังจะเป็นพื้นที่ในการบริหารจัดการขององค์การยูเนสโกเกี่ยวกับการเป็นมรดกโลกต่อไปในเดือนมิถุนายน ศกนี้
ทั้งรัฐบาลหุ่นเชิดของ ทักษิณ ชินวัตร และรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ต่างก็เป็นต้นเหตุสำคัญของมรดกบาปครั้งนี้ ให้ไว้กับประเทศทั้งสอง
โดยเฉพาะ ทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของเหตุนี้ระหว่างดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยยกคณะรัฐมนตรีทั้งคณะไปประชุมร่วมกับคณะรัฐมนตรีเขมรที่เมืองพนมเปญเมื่อเดือนกรกฎาคม 2546 มีวาระการประชุมสำคัญอยู่ที่การพัฒนาเขาพระวิหารและบริเวณโดยรอบให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ในขณะที่มีวาระแฝงของ ทักษิณ ในการหาประโยชน์ด้านพลังงานในทะเลไทยเขมร ที่มีมูลค่ามหาศาลจากก๊าซและน้ำมัน
เป็นวาระแฝงที่ตรงใจนายฮุนเซ็น ซึ่งกำลังเตรียมการให้สัมปทานในการขุดค้นก๊าซและน้ำมันกับต่างประเทศ มาเป็นประโยชน์ของตน
วิน - วิน ทั้งสองฝ่าย
นี่เป็นจุดเริ่มต้นของความเป็นมาอันเป็นเหตุสำคัญของการขึ้นทะเบียนมรดกโลกปราสาทพระวิหาร ที่นายนพดล ปัทมะ ลูกน้อง ทักษิณ ไปออกคำแถลงการณ์ร่วมไทยเขมร ยินยอมให้เขมรขึ้นทะเบียนมรดกโลกเพียงฝ่ายเดียวในครั้งนั้น
ความพยายามที่จะผลักดันให้มีการนำปราสาทพระวิหารไปขึ้นทะเบียนมรดกโลกนั้น ความจริงแล้เวมิได้มีเฉพาะเขมรกับไทยเท่านั้น ถ้าได้ศึกษาการประชุมของคณะกรรมการมรดกโลกและยูเนสโก ตั้งแต่ครั้งที่ 31 พ.ศ.2550 ที่เมืองไครสต์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์ จนถึงครั้งที่ 33 ในปัจจุบัน จะพบว่ามีประเทศต่างๆซึ่งมีบทบาทสูงอยู่ในคณะกรรมการมรดกโลกและยูเนสโก เช่น ฝรั่งเศส อินเดีย ญี่ปุ่น และเกาหลี เป็นต้น ซึ่งประเทศดังกล่าวเหล่านี้เป็นที่ทราบดีทั่วไปว่า เป็นกลุ่มประเทศหลักที่ได้รับสัมปทานการลงทุนด้านธุรกิจวัฒนธรรมรายใหญ่ในเขมร ประเทศเหล่านี้ล้วนแต่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการผลักดันให้ปราสาทพระวิหารได้รับการขึ้นทะเบียนโดยเร็วที่สุด และไม่คำนึงถึงเรื่องปัญหาเขตแดนที่กำลังเป็นปัญหาอยู่
มติที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ตั้งแต่ครั้งที่ 31 เป็นต้นมานั้น ได้กำหนดขั้นตอนในการใช้บังคับแก่ประเทศภาคีซึ่งมีไทยอยู่ด้วยไว้เรียบร้อยแล้วว่าจะต้องปฏิบัติอย่างไรบ้าง ประเทศไทยต้องเดินตามทุกอย่าง
การอนุมัติให้เขมรขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยปราศจากพื้นที่กันชนและพื้นที่บริหารจัดการที่ชัดเจน ได้นำมาสู่ซึ่งความขัดแย้งระหว่างไทยกับเขมรอยู่ในขณะนี้ ถึงขั้นมีการปะทะกันแล้ว บาดเจ็บล้มตายทั้งสองฝ่าย รวมถึงราษฎรในบริเวณใกล้เคียง และสร้างผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจอย่างรุนแรงกว้างขวาง
แม้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างนี้ คณะกรรมการมรดกโลกและยูเนสโกก็ยังคงดึงดันเดินหน้าต่อไปที่จะจัดให้มีการบริหารจัดการต่อไปให้ได้ ทั้งยังละเมิดต่อ "แนวทางดำเนินงานตามอนุสัญญามรดกโลก" อันเป็นหลักเกณฑ์สำคัญที่ต้องยึดถือ เป็นหลักเกณฑ์ที่ต้องจัดให้มีการติดตามสภาพการอนุรักษ์ทรัพย์สินที่เป็นมรดกโลกเอาไว้อย่างชัดเจน
ถ้าไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ก็ต้องลบชื่อออกจากบัญชีมรดกโลก เฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องที่เกี่ยวกับทรัพย์สินที่ถูกทำให้เสื่อมสภาพ จนถึงขนาดที่จะสูญเสียคุณสมบัติ ซึ่งได้รับการบันทึกไว้แล้ว และพื้นที่ของมรดกโลกถูกคุกคามจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
แต่ขณะนี้ทั้งเขมรและยูเนสโกก็ไม่คำนึงถึงกฎเกณฑ์ดังกล่าว ยังคงตั้งหน้าตั้งตาจะดำเนินการต่อไปให้ได้เพื่อประโยชน์ตนที่จะได้รับ ไม่ว่าเขมรหรือประเทศต่างๆที่เป็นภาคีมรดกโลก ซึ่งเบื้องหลังแท้จริงต้องการอะไรก็ได้พูดมาให้ฟังแล้ว
ข้อเรียกร้อง 3 ประการของประชาชนในนามของ "กลุ่มพันธิมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" ซึ่งกำลังชุมนุมกันอยู่ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม ที่ผ่านมา รวม 3 ข้อ คือให้รัฐบาลยกเลิกข้อตกลง เอ็มโอยู 2543 ให้ถอนตัวจากภาคีมรดกโลก และให้ผลักดันกองกำลังและคนเขมรที่บุกรุกเข้ามาอยู่ในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร นั้นจึงเป็นข้อเรียกร้องที่ถูกต้อง เป็นผลประโยชน์แห่งชาติโดยแท้
แต่จนถึงขณะนี้รัฐบาลนี้ก็ยังเมินเฉย
ยัดเยียดมรดกบาปนี้ให้ประชาชนต่อไปเพียงพื่อ "มรดกบุญ" ที่คนบางคนในรัฐบาลชุดนี้จะได้รับจากเขมรต่อไปเท่านั้นเอง
วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2554
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค
บทความย้อนหลัง
-
▼
2011
(568)
-
▼
มีนาคม
(81)
-
▼
23 มี.ค.
(32)
- จะเลือกตั้งกันใหม่? ย้อนหลังดูอดีตบ้างเป็นไร! โดยด...
- ไฟกำลังไหม้ประเทศ (ตาโป๋เป่าปี่)
- มรดกบาปที่เขาพระวิหาร
- จริยะธรรมนักการเมือง
- หายนะบันทึกการประชุม JBC ๓ ฉบับ
- ทำไมการเมือง กับ ภาคประชาชน ถึงขัดแย้งกันร่ำไป? ดร...
- จุดยืนที่เหนือกว่า โดย ศ.ดร. สมปอง สุจริตกุล
- บทวิเคราะห์เบื้องต้น บันทึกการประชุม JBC ๓ ฉบับ
- คนไทยทุกคนควรได้รับทราบและมีส่วนร่วมในการแสดงความค...
- "ราชประชาสมาสัย" โดย พันเอกหญิง ชดาษา พนาเวศร์
- รัตนพิมพวงศ์กับการไขปริศนาของลาวและพม่าโดย ประทีป ...
- เปิดหลักฐาน...บันทึกสู้คดีหม่อมเจ้าวงษ์มหิป ชยางกู...
- บันทึกการประชุมเจบีซี ทำไมสมาชิกรัฐสภาจะต้องรับรอง...
- อนุสัญญาโตเกียว
- ใครจะเดือดร้อน หาก วีระ - ราตรี พ้นคุก /// ดอกไม้เ...
- ปฏิรูปประเทศ : ปฏิรูประบบรัฐสภาเพื่อการพัฒนาคุณภาพ...
- จากวิกฤต ‘บัตรเหลือง’ ถึงคำถามจำเป็นต้องมีบัตรประช...
- หลุมดำที่บ้านหนองจาน ตาสว่างเพราะ 7 คนไทย
- หลักฐานนี้ใบ้สนิท ปานเทพ
- รัฐบาลไทยประท้วง คำตัดสินของศาลโลก ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๐๕
- แฉเขมรฮุบไทยสมัย'น้าชาติ''พนิช'รับล้ำแดน
- คำแปล หนังสือคัดค้านอินโดนีเซียส่งทหารเข้ามาสังเกต...
- ความขัดแย้ง ไทย - กัมพูชา
- แก้ไขเกมชายแดนยืดเยื้อ ให้กองทัพรักษาพื้นที่ให้มั่...
- รายละเอียดหนังสือยื่นอุทธรณ์คุณวีระและคุณราตรี วัน...
- "ปานเทพ" เผยวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระสร้างพ.ศ. 2546 เข...
- 20022554ทัศนคติมุมมองต่อเรื่องอธิปไตยไทย-เขมร โดย ...
- บทความโดยคุณ ศิริโชค โสภา ข้อเท็จจริงกรณี MOU 2543...
- เหตุผลและหลักฐาน ที่ต้องยกเลิก MoU43
- ที่มาของการที่ข้าราชการ ก.ต่างประเทศ ไปยอมรับแผนที...
- รัฐบาลไส้ศึก ชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้าน จงใจเสียด...
- ข้อเท็จจริง หลักฐานและพยานยืนยันว่าคนไทยถูกทหารเขม...
-
▼
23 มี.ค.
(32)
-
▼
มีนาคม
(81)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น